วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561

แฟนเทค (สองxน๊อต) // NC ตอนที่ 9



แ ฟ น เ ท ค // NC ตอนที่ 9

 

 

            “เป็นแฟนกันมั้ย”


            “ละ...ล้อผมเล่นหรือเปล่า”


            “ไม่เคยจริงจังเท่านี้มาก่อน” เขายืนยันเสียงหนักแน่น


            ผมกลั้นยิ้ม


            “เป็นแฟนกันนะ”


            ผมหลุบตาลง ก่อนจะพยักหน้ารับ “อืม”


            พี่สองโน้มตัวลงมากดจูบผม จูบนี้เนิ่นนานกว่าจูบที่ผ่านมา ลิ้นของพี่สองชอนไชไปตามโพรงปากของผม ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังผมก็สัมผัสกับเตียง


ผมลืมตาโพลง ยกมือขึ้นดันหน้าอกพี่สองไว้


            “เดี๋ยว”


            พี่สองเลิกคิ้ว ทำหน้าไม่เข้าใจ


            ผมเม้มปาก “จะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ เราเพิ่งคบกันเองนะ”


“ช้าหรือเร็วก็มีค่าเท่ากัน” คำตอบของพี่สองทำให้สองแก้มผมร้อนฉ่า จะตรงไปไหน...


ผมมองคนที่กำลังถอดเสื้อของตัวเองเขวี้ยงทิ้งไปข้างเตียง ก่อนจะเปิดปากสารภาพ


“ผมกลัว...” เจ็บ


พี่สองหันมายิ้มอบอุ่น เคลื่อนตัวมาคร่อมอยู่บนตัวผมอีกครั้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาครอบครองริมฝีปากผม ดูดดุนจนเกิดเสียง แล้วผละออกมากระซิบแผ่วเบา “ไม่ต้องกลัว เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”


ผมดิ้นเร้าอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ เมื่อพี่สองสอดมือเข้ามาใต้เสื้อ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งคลึงที่ยอดอก มืออีกข้างสอดเข้าไปในกางเกงผม แล้วลูบไล้อยู่แถวๆ ท้องน้อย


ลมหายใจอุ่นร้อนของพี่สองปัดป่ายอยู่ติ่งหูจนขนลุกซู่ ถึงแม้ผมจะยังไร้ประสบการณ์ สำหรับการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชาย แต่ผมก็พยายามตอบรับสัมผัสของพี่สองด้วยความยินดี คนด้านบนพยายามปรนเปรอให้ผมได้ไปถึงฝั่งฝันก่อนเป็นครั้งแรกด้วยมือและปาก ร่างผมกระตุกเกร็ง ก่อนจะอ่อนระทวยในอ้อมกอดเขา


พี่สองถอดเสื้อกับกางเกงของผมออกแล้วโยนทิ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาไล่จูบติ่งหู ลำคอและไหปลาร้า ขณะเดียวกันก็ถอดปราการชิ้นสุดท้ายของผมออกไปด้วย


ผมยกขาข้างหนึ่งเบี่ยงหนี ไม่ให้พี่สองมอง


เขาเงยหน้ามองผมแล้วส่งยิ้มอบอุ่นมาให้อีกครั้ง “ไม่ต้องอาย พี่ไม่เคยรังเกียจน๊อต” เอ่ยปลอบพลางใช้มือแหวกขาของผมออกจากกัน ผมเม้มปาก ตาของเรายังมองสบกันอยู่ พี่สองพยายามปลอบประโลมไม่ให้ผมอายทางสายตา


ครั้งแรกที่พี่สองพยายามแทรกกายเข้ามา ผมเกร็งจนลืมหายใจ ช่องทางอ่อนไหวสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมอุ่นร้อนที่แทรกเข้ามาในร่าง ชั่วขณะนั้นผมกำผ้าห่มแน่น


พี่สองพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของผมด้วยปากและมือ พลางส่งเสียงบอกให้ผมผ่อนคลาย แต่ครั้งแรกมันยากเสมอ แม้เขาจะใช้น้ำลายช่วยหล่อลื่นบริเวณปากทางเข้าและสวมถุงยางอนามัยแล้วก็ตาม กว่าพี่สองจะแทรกกายผ่านเข้ามาได้ น้ำตาผมก็ไหลออกจากหางตาทั้งสองข้าง พี่สองกอดผมไว้


ผมหลับตา กัดฟันแน่น


“ขอโทษนะ อย่าร้องเลย พี่ไม่ทำแล้วก็ได้” พี่สองกระซิบข้างหู เสียงกัดฟันกระทบกันดัง ผมรู้ว่าเขาเองก็อดทนและทรมานไม่แพ้ผม


            “ขะ...ขยับเลย ผมทนได้”


            พี่สองเอียงหน้ามากดจูบซับน้ำตาให้ผมแทนคำพูด ก่อนจะใช้สองมือยันกับเตียง ค่อยๆ เริ่มขยับเอวสอบด้วยจังหวะช้าเนิบ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนร่างกายท่อนล่างฉีกขาด แต่ความอ่อนโยนของพี่สองก็ช่วยชโลมหัวใจผมให้อุ่นขึ้น


ขณะเดียวกัน มือข้างหนึ่งของเขาช่วยปรนเปรอส่วนด้านหน้าจนผมบิดเกร็ง จวบจนถึงปลายทางของพี่สอง ผมก็พบความสุขสม
                       

            เสียงหายใจหอบกระเส่าของพี่สองดังอยู่ข้างหู เขากอดผมแน่น ผมรู้ว่าตัวเองกัดเขาแรงมาก แม้จะรู้สึกผิดและอยากลุกขึ้นมาทำแผลให้ แต่ตอนนี้ผมไม่กล้าแม้จะขยับตัว พี่สองค่อยๆ ถอนกายของจากตัวผมช้าๆ เขาหันซ้ายขวา คว้าเสื้อมาเช็ดทำความสะอาดตัวเองแล้วหยิบกางเกงมาสวม


            ผมนอนมองเขาอย่างเหม่อลอย พี่สองเดินเข้ามาหา ก้มจูบหน้าผากชื้นเหงื่อของผมหนึ่งทีอย่างอ่อนโยน "พอแล้วเหรอ" ผมอดถามเขาไม่ได้


            เขาเลิกคิ้ว พอเห็นผมอึกอักเขาก็เข้าใจ "แค่นี้มึงก็ไม่ไหวแล้ว" เมื่อเห็นผมจ้องเขาก็อธิบายต่อ "พอแล้ว ครั้งแรกของมึง ดอกเดียวก็เกินรับ ค่อยทำยอดต่อคราวหน้า"


            ผมซุกหน้าลงหมอน แก้มร้อนจัด


            พี่สองหัวเราะ ก่อนจะลูบหัวผม “นอนเถอะ”


            สองคำสั้นๆ ของเขาเป็นเหมือนสวิตช์ปิดรับการรับรู้ของผม


            ระหว่างสะลึมสะลืออยู่นั้น พี่สองก็ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมากินยา จากนั้นผมก็ล้มตัวนอนสลบไสล จำได้เลือนรางว่ามีคนเช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าให้ ก่อนจะตามมาด้วยอ้อมกอดอบอุ่น


ผมซุกหน้าเข้าหาความอบอุ่นนั้นแล้วหลับสนิท